เชื่อว่าสิ่งนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับลูกของเราเอง นั่นคือ สายสะดือพันคอ ซึ่งต้องบอกว่าสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นเป็นอะไรที่ทำให้คุณแม่หลายคนค่อนข้างเป็นกังวลใจกันมาก ๆ สำหรับใครที่อยากทราบว่า สายสะดือพันคอ เกิดขึ้นได้อย่างไร หากเกิดขึ้นสิ่งเหล่านี้จะส่งผลอันตรายต่อลูกในท้องอย่างไรบ้าง มาไขข้อสงสัยไปพร้อมกันเลยดีกว่า
สายสะดือพันคืออะไร?
สำหรับคุณแม่บางคนก็อาจจะเคยได้ยินคำนี้กันมาบ้างแล้ว ซึ่งต้องบอกว่า สายสะดือพันคอ สิ่งนี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่คุณแม่ควรต้องระวังในช่วงของการตั้งครรภ์ โดยเป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างส่งผลทำให้ลูกในท้องของเราเสียชีวิตขึ้นมาได้เลย เพราะฉะนั้นคุณแม่อาจจะต้องคอยทำการสังเกตดี ๆ ว่าลูกของเราดิ้นปกติไหม หรือการที่เขาหยุดดิ้นไป สิ่งนี้เกิดจากอะไร หากมีอาการที่ผิดปกติเกิดขึ้น คุณแม่ควรรีบไปหาหมอโดยทันทีเลยนะคะ
สาเหตุที่ทำให้สายสะดือพันคอเกิดจากอะไร?
การที่จะมีสายสะดือพันคอลูกน้อยของเราได้นั้น คุณแม่หลายคนก็คงอยากรู้กันแล้วใช่ไหมคะว่า สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และอะไรคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดขึ้น เอาเป็นว่าเรามาทำความเข้าใจไปพร้อมกันเลยดีกว่าค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : รู้หรือไม่! แท้งลูก เกิดจากอะไร? หนึ่งในอาการที่ส่งผลอันตรายต่อคุณแม่และลูกในท้อง
1. ทารกดิ้นบ่อยจนเกินไป
เมื่อไหร่ที่ลูกในท้องของเราดิ้นบ่อย หรือมีการเคลื่อนไหวอยู่บ่อย ๆ สิ่งนี้ก็ค่อนข้างส่งผลทำให้สายสะดือพันบริเวณคอของทารกได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นในระหว่างการตั้งครรภ์ คุณแม่อาจจะต้องคอยสังเกตการเคลื่อนไหว หรือการดิ้นของลูกไปด้วยว่า การดิ้นของเขานั้นดูเป็นปกติหรือเปล่า หากเมื่อไหร่ที่มีความผิดปกติเกิดขึ้น สิ่งนี้ก็อาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสายสะดือพันคอทารกได้เหมือนกัน
2. สายสะดือยาวจนเกินไป
หากเมื่อไหร่ที่คุณแม่มีความยาวของสายสะดือที่ผิดปกติไปจากเดิม สิ่งนี้ก็อาจจะส่งผลทำให้สายสะดือพันคอทารกได้เหมือนกัน เพราะโดยปกติทั่วไปสายสะดือจะมีความยาวอยู่ที่ประมาณ 50 – 100 เซนติเมตร แต่หากคุณแม่มีสายสะดือที่ผิดปกติไป สิ่งนี้ก็อาจจะทำให้เกิดผลแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมาทีหลังได้นั่นเองค่ะ
3. มีปริมาณน้ำคร่ำมากจนเกินไป
การที่คุณแม่มีปริมาณน้ำคร่ำที่มากจนเกินไป สิ่งนี้ก็จะทำให้ทารกมีการเคลื่อนไหวตัวได้มากขึ้นตามไปด้วย และหากเขาเริ่มมีการเคลื่อนไหวตัวที่บ่อยขึ้น ผลที่ตามมาอีกอย่างก็อาจจะทำให้เกิดสายสะดือพันคอทารกขึ้นมาได้ง่ายเหมือนกัน ทางที่ดีคุณแม่อาจจะต้องคอยทำการปรึกษา หรือขอคำแนะนำจากคุณหมออยู่เป็นประจำ เพื่อที่ลูกในท้องของเราจะได้ปลอดภัยและเติบโตมาเป็นเด็กที่แข็งแรงสมบูรณ์นะคะ
4. สายสะดืออ่อนแอ
หากคุณแม่คนไหนที่มีโครงสร้างของสายสะดือที่ค่อนข้างอ่อนแอ สิ่งนี้ก็อาจจะทำให้สายสะดือกันคอทารกได้ค่อนข้างง่ายอยู่เหมือนกัน หากใครที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ คุณแม่ไม่ควรนิ่งนอนใจจนเกินไปนะคะ พยายามที่จะคอยเฝ้าระวัง และคอยสังเกตอาการที่ผิดปกติอยู่เสมอ เพื่อที่ลูกในท้องจะได้ไม่เป็นอันตราย
ลักษณะสายสะดือพันคอ ส่งผลกระทบต่อลูกน้อยอย่างไรบ้าง?
การที่มีสายสะดือพันคอเกิดขึ้นกับลูกน้อยของเรานั้น เชื่อไหมคะว่าหากเราปล่อยปละละเลยเรื่องเหล่านี้ไป สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ก็ค่อนข้างที่จะเป็นอันตรายต่อลูกในท้องของเราได้มากเหมือนกัน ส่วนจะส่งผลกระทบอย่างไรบ้างนั้น มาดูกันเลยค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : มดลูกบีบตัว เกิดจากอะไร? เรื่องใกล้ตัวที่คุณแม่ควรระวัง!
1. ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ
ในกรณีที่สายสะดือพันคอทารกในครรภ์ ผลกระทบตามมาอย่างแรกเลยคือ จะทำให้ทารกในครรภ์ของเรานั้นมีอัตราการเต้นของหัวใจที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม อีกทั้งยังทำให้การไหลเวียนของเลือด ทำงานได้อย่างไม่เต็มที่อีกด้วย ทางที่ดีหาคุณแม่พบว่ามีอาการที่ผิดปกติเกิดขึ้นกับลูกน้อย เราควรที่จะรีบทำการพบแพทย์โดยด่วนเลยนะคะ
2. ทำให้ทารกในครรภ์เสียชีวิต
สิ่งที่จะตามอีกอย่างและค่อนข้างเป็นอันตรายมาก ๆ เลยคือ ส่งผลทำให้ลูกน้อยของเราเสียชีวิตขึ้นมาได้ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในอาการที่คุณแม่ควรต้องระวังมาก ๆ เลยทีเดียว หากใครที่ไม่อยากให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับลูกน้อยในท้อง เราอาจจะต้องคอยระมัดระวังการใช้ชีวิตให้มากขึ้น และคอยสังเกตอาการที่ผิดปกติกันอยู่เรื่อย ๆ นะคะ
วิธีการรับมือกับสายสะดือพันคอทำอย่างไรดี?
หากคุณแม่คนไหนที่อยากทราบว่าเราควรมีวิธีการรับมือกับสายสะดือพันคอกันอย่างไรบ้าง เพื่อที่ลูกในท้องของเราจะเป็นอันตรายน้อยที่สุด เอาเป็นว่าเรามาดูวิธีการรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปด้วยกันเลยนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : แม่ต้องรู้! น้ำหนักคนท้อง แต่ละเดือนควรหนักเท่าไหร่? มาดูกัน
1. ทำการอัลตราซาวนด์บ่อยขึ้น
แน่นอนค่ะว่าในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ คุณแม่หลายคนก็อาจจะต้องมาทำการตรวจ รวมถึงทำการอัลตราซาวนด์ที่บ่อยขึ้นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นหากคุณหมอทำการอัลตราซาวนด์พบว่า มีสายสะดือพันคอทารกอยู่ในตอนนี้ คุณแม่ก็อาจจะต้องมาทำการอัลตราซาวนด์ที่บ่อยขึ้น และพยายามมาตามที่คุณหมอนัดทุกครั้ง เพื่อที่ลูกน้อยในท้องของเราจะได้ปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายมากขึ้น
2. ทำการผ่าคลอด
ในกรณีนี้คุณหมอจะต้องทำการตรวจดูก่อนว่า ลูกในท้องของเรามีอัตราการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติไปจากเดิมหรือเปล่า เพราะหากเมื่อไหร่ที่ลูกน้อยมีอัตราการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติไปจากเดิม หากทารกอยู่ในช่วงใกล้คลอด คุณหมอก็อาจจะต้องรีบทำการผ่าคลอดโดยทันที เพื่อที่ลูกน้อยในท้องของเราจะได้ปลอดภัยนั่นเองค่ะ
3. คอยสังเกตอาการดิ้นของลูก
สิ่งที่คุณแม่ไม่ควรมองข้ามต่อมาเลยคือ เราอาจจะต้องคอยทำการสังเกตอาการดิ้นของลูกน้อยอยู่เสมอว่า การเคลื่อนไหวของเขาในแต่ละวันมีความผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะหากเมื่อไหร่ที่เขามีความผิดปกติเกิดขึ้นแล้วคุณแม่รีบไปหาหมอ สิ่งนี้ก็อาจจะทำให้ลูกของเราปลอดภัยและได้รับอันตรายน้อยที่สุดตามไปด้วย
4. ดูสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
ในส่วนของสุขภาพก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างสำคัญและมีควรมองข้าม ซึ่งคุณแม่ควรต้องเอาใจใส่ในเรื่องของสุขภาพให้มากขึ้น รวมถึงสุขภาพทางด้านจิตใจ โดยคุณแม่อาจจะต้องพยายามไม่คิดมาก หรือไม่ต้องกังวลอะไรมากจนเกินไป เพราะเมื่อไหร่ที่เราเกิดความเครียดขึ้นมา สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ก็อาจจะทำให้เกิดสิ่งที่ไม่ดีตามได้ง่ายเหมือนกัน
สัญญาณอันตรายเกี่ยวกับ สายสะดือพันคอทารกในครรภ์ที่เราได้นำมาฝากคุณแม่กันในวันนี้ อาจเป็นหนึ่งในสิ่งที่คุณแม่ควรต้องระวังและคอยเฝ้าสังเกตอาการกันให้มาก ๆ เพราะหากเราไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้ บางทีสิ่งที่เกิดขึ้นก็อาจจะส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้มาก ๆ เลยล่ะค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ตรวจดาวน์ซินโดรม มีวิธีการอย่างไรบ้าง? ทารกเสี่ยงเป็นดาวน์ซินโดรมหรือเปล่า
เช็กให้ชัวร์ ! สรุปแล้วเราตั้งครรภ์หรือไม่ ตรวจครรภ์ตอนไหนดีให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ
อัลตราซาวนด์ สำคัญอย่างไร เหตุผลที่คุณแม่ท้องควรตรวจทุกไตรมาส